วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การ์ตูนคุณธรรม













                                        การ์ตูนคุณธรรม (ใช้Photoshopทำนะครับ)

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Santa Claus Is Coming to Town

ซานต้ามาแล้ว หรือ Santa Claus Is Coming to Town เป็นหนึ่งในเพลงยอดนิยมของเทศกาลคริสต์มาส ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ชอบกันมากว่า 70 ปีแล้ว เพราะเป็นเพลงที่แต่งขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1934 (พ.ศ.2477) ไม่กี่ปีหลังจากที่พวกเรามีรัฐธรรมนูญที่จะถูกฉีกทิ้งเป็นฉบับแรก



ที่ ไหนกำลังเปิดเพลงคริสต์มาส ลองฟังๆ ไปสักประเดี๋ยวก็ต้องได้ยินเพลงนี้ ฝรั่งอเมริกันร้องกันมาตั้งแต่สมัยคุณทวดจนถึงคุณเหลน และไม่มีท่าว่าจะเบื่อง่ายๆ

เป็นเพลงน่ารักสำหรับเด็กๆ เนื้อเพลงบอกว่า… คอยดูให้ดีนะ อย่าร้องไห้ อย่าหน้างอ จะบอกให้ว่าทำไม ก็แซนตาคลอสกำลังจะมาเมืองเราน่ะซิ

You"d better watch out/Better not cry/Better not pout/I"m telling you why/Santa Claus is coming to town.

ซานต้ากำลังทำรายการ ตรวจทานถ้วนถี่ คราวนี้ซานต้าจะรู้ว่าเด็กคนไหนเกเร คนไหนเป็นเด็กดี

He"s making a list, checking it twice/Gonna find out who"s naughty and nice/Santa Claus is coming to town.

แน่นอนว่า ใครเป็นเด็กดีก็ย่อมจะได้ของขวัญจากซานตาคลอส ซานตาคลอสนั้นคือนักบุญนิโคลัสแห่งไมรา (Saint Nicholas of Myra)

ชื่อ Nicholas มาจากคำว่า "ไนกี้" nike ในภาษากรีกแปลว่า "ชัยชนะ" (เหมือนชื่อรองเท้ากีฬายี่ห้อดัง)

ตามประวัตินักบุญผู้นี้เป็นชาวกรีกซึ่งได้ตำแหน่งบิชอปหรือพระผู้ใหญ่ในคริสต์ศาสนาที่เมืองไมรา อันเป็นเมืองท่าแถบเอเชียไมเนอร์

นักบุญผู้มีชื่อเล่นว่า Saint Nick นี้ มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่สี่ ตามประวัติว่าเป็นผู้มีความเมตตากรุณาอย่างยิ่ง ชอบช่วยเหลือคนตกยากและเด็กๆ เมื่อมรณกรรมไปแล้วจึงได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญในศาสนาคริสต์

กรี กและรัสเซียถือว่าเซนต์นิโคลัสเป็นนักบุญประจำชาติของตน นอกจากนั้นชาวคริสต์ในยุโรปยังถือว่าท่านเป็นนักบุญผู้คุ้มครองเด็กๆ เจ้าสาว นักเดินทาง พ่อค้า และโรงจำนำ

ประการหลังแปลกสักหน่อย แต่เป็นเพราะมีเรื่องเล่าว่า นักบุญนิโคลัสเคยเปลี่ยนถ่านสามก้อนให้เป็นทองคำเพื่อช่วยเหลือผู้ที่กำลังลำบาก

โรง รับจำนำเมืองฝรั่งในครั้งกระโน้น จึงมีเครื่องหมายเป็นทองก้อนกลมสามลูกตามเรื่องเล่า เพื่อให้คนรู้ว่า ธุรกิจนี้ช่วยเหลือคนยากไร้ เหมือนกับที่นักบุญนิโคลัสเคยช่วยนั่นเอง

ใน ภาพวาดของยุโรป นักบุญนิโคลัสมีรูปร่างสูง ผอม และใส่เสื้อคลุมสีน้ำตาล ชาวสแกนดิเนเวียนรวมนักบุญนิโคลัสเข้ากับเรื่องราวของเทพโอดิน ทำให้เกิดความเชื่อว่านักบุญผู้นี้เหาะเหินได้ พร้อมกันก็นำรางวัลมาให้คนดี และทำโทษคนไม่ดี

ชาวดัชต์ซึ่งเรียกว่า นักบุญนิโคลัสว่า Sante Klaas นำความเชื่อเรื่องนี้ติดตัวไปอเมริกา พาให้ชาวคริสต์ซึ่งย้ายมาจากดินแดนอื่นร่วมเชื่อไปด้วย

คนอเมริกันรับนักบุญนิโคลัสมาจากดัชต์ เลยไม่ยอมเรียกว่า "คุณพ่อคริสต์มาส" หรือ Father Christmas อย่างอังกฤษ แต่เรียกอย่างดัชต์ เพียงแต่สะกดให้ง่ายขึ้นว่า Santa Claus แทนที่จะเป็น Sante Klaas อย่างเดิม

อเมริกัน ไม่เปลี่ยนชื่อท่านเฉยๆ ยังเปลี่ยนรูปร่างจากชายผอม-สูง มาเป็นคุณตาอ้วนกลม หนวดเคราขาว แก้มแดง อารมณ์ดีขนาดหัวเราะโฮ่-โฮ่-โฮ่ได้ยินกันทั่วๆ ในตรุษคริสต์มาส ส่วนสูทสีแดงที่เห็นกันจนชินตาในรูปวาดหรือในภาพยนตร์นั้น มาจากสีโฆษณาเครื่องดื่มโค้กหรือโคคา-โคลาในอดีต

ปีนี้ซานต้าจะมาให้หรือไม่ให้ของขวัญเด็กคนไหนบ้างก็ไม่ทราบ แต่คุณ "ผู้อ่านรุ่นใหญ่" บ่นมาให้ฟังว่า ดูข่าวว่าในเมืองใหญ่บางแห่ง บรรดาร้านรวงไม่กล้าแต่งร้านฉลองคริสต์มาส เพราะกลัวคนก่อการร้าย แล้วรู้สึกเศร้าใจพิกล

คง เป็นเพราะความที่เป็นคนไทย เห็นใครสนุก รื่นเริง หรือฉลองวันสำคัญอะไร ก็พลอยมีใจร่วมสนุกไปกับเขาด้วย ไม่ได้เคยคิดรังเกียจว่าไม่ใช่วันของเรา หรือไม่ใช่วันของศาสนาเรา ร่วมรื่นเริงยินดีได้เสมอ



เพราะ แท้จริงแล้ว แม้จะต่างศาสนา ต่างเผ่าพันธุ์ ต่างเชื้อชาติ เราก็เป็นมิตรและปรารถนาดีต่อกันได้อยู่แล้ว ในเมื่อมิตรฉลองวันสำคัญในช่วงเวลาอันสุขสันต์ เราก็พลอยสุขไปด้วยได้-การร่วมยินดีเมื่อมิตรเป็นสุข เป็นลักษณะหนึ่งของกัลยาณมิตรที่ศาสนาพุทธสอนไว้

ใน ความจริงแล้ว วันคริสต์มาสเป็นวันแห่งศาสนา จุดประสงค์แท้จริงคือให้คนได้เข้าวัดวา และทำบุญทำทาน ให้ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น เช่นเดียวกับวันสำคัญของศาสนาอื่นๆ

แต่ กลุ่มคนที่ได้ประโยชน์ช่วยกันทำให้วันสำคัญนี้กลายเป็นเรื่องค้าขายและหากำ รี้กำไรไปเสียหมด บางทีการลดความเว่อร์ตามร้านรวงและสถานที่ต่างๆ อาจจะเป็นการดีก็ได้

ส่วนซานตาคลอสจะมาหรือไม่มา ยังน่าสงสัย

เพราะหากซานต้าทำ "รายการ" อย่างที่ว่า ตรวจดูความประพฤติของผู้ใหญ่เหมือนที่ทำกับเด็ก ซานต้าก็คงพบว่ามีผู้ใหญ่เกเรมากมายในปีที่ผ่านไป เอารัดเอาเปรียบกัน รังแกกัน ทะเลาะกัน รวมไปถึงฆ่าแกงกันไม่เว้นแต่ละวัน

ดู "รายการ" แล้ว คงมีไม่กี่เมืองในโลกนี้ที่ซานต้าจะนึกอยากไปเยือน

เอ๊ะ...หรือเราควรจะร้องเพลง Santa Claus is NOT coming to town กันดี?

คริสมาส


Dino-Lite กล้องจุลทรรศน์พกพา รางวัลยอดเยี่ยมโลก


คริสต์มาส

คือ การฉลองการบังเกิดของพระเยซูที่เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม 
คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ  Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ
ว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า"  
คำว่า "Christes Maesse"  พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี 1038 
และคำนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ในภาษาไทย "คริสต์มาส" ก็มีความหมาย
เช่นกัน คำว่า "มาส" แปลว่า "เดือน"
เทศกาลคริสต์มาสจึง เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์เจ้าเป็นพิเศษ 
คำว่า"มาส" คือ"ดวงจันทร์" ตีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก
เหมือนดวงจันทร์ เป็นความสว่างในตอนกลางคืน  Merry X'mas คำว่า Merry 
ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า"สันติสุขและความสงบทางใจ" คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น
ขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ    ถือเอาประเพณีของชนในท้องถิ่นนั้น 
มาประยุกต์เข้ากับศาสนา โดยจัดให้มีการฉลองเพื่อระลึก ถึงการบังเกิดของพระเยซู
ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศประเพณี นี้
ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษ ที่ 4 และ ค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป 
ประวัติ....ซานตาคลอส

วันคริสต์มาสนี้เริ่มตั้งแต่คริสตวรรษที่4 มีนักบุญคนหนึ่งชื่อ "นิโคลาส " 
หรือ "เซนต์นิโคลาส" ท่านเป็นนักบุญ ตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเป็นเด็กหนุ่ม
ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นสังฆราชแห่งแคว้นไมรา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี
ท่านได้กลายเป็นนักบุญอุปถัมถ์ประจำชีวิตเด็ก เด็กในประเทศอังกฤษ จะเรียกคุณตาใจ
ดีว่า "คุณพ่อแห่งวันคริสต์มาส" ( Father Christmas ) 
เด็กเยอรมันนีเรียกว่า "ญาติแห่งพระคริสต์ " ( Christ Child ) 
เด็กชาวดัชท์เรียกว่า "ซาน นิโคลาส" หรือ "Sankt  Klous"
ในที่สุดกลายเป็น "ซานตาคลอส" ติดปากเด็กๆทั่วโลก 
ในปี ค.ศ. 1866 นักวาดการ์ตูนชาวอเมริกัน ชื่อ โธมัส แนส เป็นคนแรกที่วาดภาพของ
ซานตาคลอสขึ้นมาลักษณะเหมือนที่เรา เห็นทุกวันนี้ ลงพิมพ์ในหนังสือ 
"Horpers Weekly"เป็นครั้งแรกใบหน้าของซานตาคลอส
เป็นสีแดงอมชมพูเหมือนกลีบกุหลาบ จมูกแดงเหมือนผลเชอรี่สุก 
นัยน์ตาสุกใสเป็นประกาย หนวดเคราสีขาวท่าทางใจดี   ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียง
ตำนานที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ตาม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์
ที่รวมเอาวิญญาณและความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย คือความปิติยินดีชื่นชม 
ความโอบอ้อมอารี ความรัก  และความเป็นกันเอง     
 

..ต้นคริสต์มาส.. 
ในสมัยโบราณหมายถึงต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน
และทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตั้งแต่ศตวรรษที่11 ชาวคริสต์แสดงละครที่หน้าวัด 
ถึงความหมายของคริสต์มาสและเอาตันไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลางเพื่อประดับฉากแสดงถึง 
บาปกำเนิดของอาดัมและเอวาต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาง่าย
ที่สุดในประเทศเหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี
จนถึงศตวรรษที่15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง 
เนื่องจากการแสดงนั้นกลายเป็นการเล่น เหมือน ลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง 
และศาสนาซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง   ชาวบ้านรู้สึกเสียดายที่
ไม่มีโอกาสดูละครสนุกๆแบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของ ตน 
โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน เพราะต้นไม้เป็นจุดเด่นในลานวัด ที่เขาเคยร่วมสนุกกัน 
จากนั้นก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ลและแขวนแผ่นขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท ซึ่ง
ก็มีวิวัฒนาการ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็กลายเป็นขนมและของขวัญ 
อย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ 
เราจะเห็นได้ว่าวันคริสต์มาสเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง เพื่อเป็นการระลึกถึงวันที่พระบุตร
ของพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์เป็นพระเจ้า ที่จะอยู่กับเราตลอดไป
เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ เป็นพี่หัวปีที่จะนำมนุษย์ทั้งมวลไปสู่พระบิดาเจ้า 
พระองค์เป็นความสำเร็จบริบูรณ์ ตามคำ สัญญาของพระเจ้าที่จะดูแลป้องกัน
รักษาเราผู้เป็นประชากรของพระองค์ 

Conjuring the Dragon...

SciFi art- 3 hr digital paint...